วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

แบบฝึกหัด วิชา หลักการตลาด

คำสั่ง  ให้นักศึกษาตอบคำถามพิมพ์เฉพาะข้อที่ถูกต้อง  แล้วแนบไฟล์ส่งมาที่

E-Mail:  saijai_20@hotmail.com

1. ระบบการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น  เพราะเหตุใด
        ก.  มนุษย์ต้องการความยอมรับจากผู้อื่น         ข.  มนุษย์มีการติดต่อสื่อสาร
        ค.  มนุษย์มีความถนัดในการผลิตแตกต่างกัน    ง.  มนุษย์มีการใช้โทรศัพท์
    
2.  ปัญหาการแลกเปลี่ยนแก้ไขได้โดยใช้อะไรบ้าง
ก.  คนกลาง,ตลาด,ระบบเงินตรา         ข.  ตลาด,ระบบเงินตรา
ค.  ระบบเงินตรา,คนกลาง                 ง.  ผู้ซื้อ,คนกลาง,ระบบเงินตรา

3.  จากพิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นแนวความคิดทางการตลาดข้อใดโรงเรียนวิมลพณิชยการ  
 ศรีย่าน เชิญบริษัทแกรมมี่มาช่วยจัดคอนเสริตการกุศล
                ก.  แบบมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์                                  ข.  แบบมุ่งเน้นการขาย
                ค.  แบบมุ่งเน้นตลาดและสังคมและพันธมิตรธุรกิจ    ง.  แบบมุ่งเน้นพันธมิตรธุรกิจ

4.  แนวความคิดทางการตลาดแบบใหม่ต้องการให้ได้รับผลผลตอบแทนแบบใด
                ก.  กำไร,ตัวสินค้า                                         ข.  กำไร,ความพึงพอใจของลูกค้า
                ค.  ยอดขาย,ความพึงพอใจของลูกค้า               ง.  กำไร,ยอดขาย

5.  หน้าที่เกี่ยวกับการจัดจำหน่าย  คือข้อใด
                ก.  การจัดซื้อและการขาย                                   ข.  การขนส่งและการตลาด
                ค.  การหาตลาดและการขาย                              ง.  การเก็บรักษา และการขนส่ง
6.  ข้อใดเป็นลักษณะของตลาดผู้บริโภค
                ก.  มีระบบแบบแผนที่ชัดเจน                           ข.  ซื้อครั้งละมากๆ
                ค.  ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจซื้อ                     ง.  มีความยืดหยุ่นต่อราคาน้อย

 จงพิจารณาคำตอบต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 7-10

             ก.  Consumer Goods                                   ข.  Convenience Goods
             ค.  Shopping Goods                                    ง.  Specialty Goods

7.         หนังสือพิมพ์เป็นสินค้าประเภทใด     
               
8.         กล้องถ่ายรูป Cannon เป็นสินค้าประเภทใด  
                                  
9.       หนังสือสารานุกรม, เครื่องชงกาแฟ เป็นสินค้าประเภทใด  
          
10.       รูปสัญลักษณ์โรงเรียนที่ปกสมุด  ซึ่งนักศึกษาซื้อมาใช้  หมายถึงข้อใด
      ก . Brand Name                                            ข. Brand Mark                             
      ค. Trade Mark                                                   ง. Logo  

วันพุธที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ใบความรู้ เรื่อง ผลิตภัณฑ์สุขภาพ


ผลิตภัณฑ์สุขภาพ  คือ ผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและสุขภาพอนามัยของประชาชน ทั่วไป
ความ รู้เรื่องผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ควรศึกษา  มี  4  กลุ่ม  คือ
1.       กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร  ได้แก่ อาหารที่ต้องขออนุญาต  และไม่ต้องขออนุญาต
2.       กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง  ได้แก่   เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ  เครื่องสำอางควบคุม  และ
เครื่องสำอางทั่วไป
3.       กลุ่มผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย  ได้แก่  ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้านเรือนและใช้ในสำนักงาน  ซึ่ง
คณะกรรมการอาหารและยากำหนดให้เป็น วัตถุอันตรายที่ต้องขอขึ้นทะเบียน  มีทั้งหมด  10  กลุ่ม  ซึ่งมีตั้งแต่ผลิตภัณฑ์กำจัดหมัด  หนู  กำจัดกลิ่น  ฆ่าเชื้อโรค  ทำความสะอาด  แก้ไขการอุดตัน  ซักผ้าขาว  ซักแห้ง  ผลิตภัณฑ์ลบคำผิด  เป็นต้น
       4.  กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ยา  ประกอบด้วย  ยาสมุนไพร  และ ยาแผนโบราณ
กลุ่ม ผลิตภัณฑ์อาหาร  (Food  Product)
                อาหาร  ตามพระราชบัญญัติอาหาร  พ.ศ.  2522  ได้แก่วัตถุทุกชนิดที่คน  กิน  ดื่ม  อม  หรือนำเข้าสู่ร่างกาย  แต่ไม่รวมถึง  ยา  วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท  หรือ ยาเสพติดให้โทษ  นอกจากนี้  อาหารยังรวมถึงวัตถุ ที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหาร  วัตถุเจือปนอาหาร  สี  เครื่องปรุงแต่งกลิ่น   รส  ด้วย
ประเภทผลิตภัณฑ์อาหาร 
                ผลิตภัณฑ์ อาหาร  แบ่งตามการขออนุญาต   แบ่งออกเป็น  2 กลุ่ม  ดังนี้
1.       กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา 
แบ่งเป็น  4  กลุ่ม ย่อย  ดังนี้
                1.1  อาหารสดหรือแห้ง   ที่ผู้ผลิตผลิตขึ้นเองแล้วจำหน่าย กับผู้บริโภคโดยตรง  ณ  สถานที่
ผลิต  เช่น  ผัก  ผลไม้  เนื้อสัตว์  ที่ขายให้กับลูกค้า โดยตรง  ธัญพืช  ต่าง ๆ  เช่น  ข้าวกล้อง / ถั่ว  งาบรรจุถุง                   1.2  อาหารสำเร็จรูป  ที่ผลิตแล้วยังไม่ ได้บรรจุใส่ภาชนะ  เมื่อจะจำหน่ายให้กับผู้บริโภคจะต้องตัก แบ่งใส่ถุง  ใบตอง  เช่น  ข้าวแกง ต่าง ๆ  ขนมไทย
1.3    กลุ่มอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์  ที่ ต้องนำไปปรุงให้สุกก่อน  เช่น  แหนม  กุนเชียง
หมูยอ  ลูกชิ้น  ไส้กรอก  ไข่เค็มดิบ  ปลา แห้ง  กุ้งแห้ง  ปลาทู  ปลาทอด  ปลาดิบ
1.4    กลุ่มอาหารที่มีจุดมุ่งหมายเป็นเครื่องปรุง  เครื่องชูรส  เช่น  กะปิ  ปลา ร้า  เกลือป่น 
น้ำจิ้มที่ไม่ใส่ภาชนะบรรจุปิดสนิท  น้ำพริกแกง  พริกป่น
                2.  กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ต้องขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  แบ่งเป็น 2  กลุ่มย่อย  ดังนี้
2. 1    เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อม
บริโภค  ซึ่งจะ ต้องอนุญาตใช้ฉลากจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  แต่ไม่ ต้องส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์  เช่น 
                                -  กลุ่มอาหารที่ผลิตจากพืช  เช่น  ซอสจากถั่วเหลือง  ซีอิ๊ว  เต้าเจียว  น้ำจิ้มในภาชนะบรรจุปิดสนิท  นำสลัด  นำ พริกปรุงรส  ผลไม้ตากแห้ง / ดอง/แช่อิ่มบรรจุภาชนะ  ขนม ไทย  ต่าง ๆ  เบเกอรี่  (ขนมปัง  คุกกี้)  ขนมอบกรอบ  ขนมขบเคี้ยว  ขนมกวน/เชื่อม
                                -  กลุ่ม อาหารผลิตจากสัตว์  เช่น  หมูแผ่น  หมู หยอง  หมูทอด  หมูทุบ  ปลากรอบปรุง รส  ปลาหมึกปรุงรส  ไข่เค็มสุก  ปลา ร้าปรุงรสพร้อมบริโภค
                                2.2  กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ต้องส่งตัวอย่างตรวจวิเคราะห์  เป็นกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่จะต้องส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพมาตรฐานตามประกาศกระ ทรวงสาธารณสุข  และต้องขออนุญาตใช้ฉลากอาหาร  แบ่ง เป็น  3  กลุ่ม  ดังนี้
                                                2.2.1  กลุ่มผลิตภัณฑ์จากพืช  เช่น  เครื่องดื่มทั้งชนิดน้ำและผงจากผัก/ผลไม้/สมุนไพร  น้ำตาล สด  ซอสมะเขือเทศ  น้ำมันพืชต่าง ๆ  น้ำ ส้มสายชู  กาแฟคั่ว/ผงสำเร็จ/ปรุงสำเร็จ
                                                2.2.2  กลุ่มผลิตภัณฑ์จากสัตว์  เช่น  น้ำปลา  น้ำบูดู  เครื่องดื่มรังนก  ไข่เยี่ยวม้า   และผลิตภัณฑ์นม
                                                2.2.3  อื่น ๆ  เช่น  น้ำ ดื่ม  น้ำแร่  น้ำแข็ง
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Cosmetics  Product)
                เครื่องสำอาง  คือ  ผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์เพื่อความสะอาด และความสวยงามเท่านั้น  เช่น  ครีมบำรุงผิว  โลชั่นกันแดด  น้ำหอม  ลิปสติก  แป้ง ฝุ่น  รองพื้น  แป้งทางหน้า  ดินสอ เขียนคิ้ว  ผลิตภัณฑ์ทาแก้ม  ทาเล็บ  ล้าง เล็บ  ตกแต่งทรงผม  ระงับกลิ่นกาย  สบู่  แชมพู  ครีมนวดผม  ยาสีฟัน  น้ำยา บ้วนปาก  ผ้าเย็น  ผ้าอนามัย  เป็น ต้น
ประเภท ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
                ตามพระ ราชบัญญัติเครื่องสำอางฯ  ได้จัดแบ่งเครื่องสำอางเป็น  3  ประเภท  ตามลำดับความเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย  หาก ผู้บริโภคใช้ไม่ถูกวิธี  ได้แก่ 
                1.  เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ  เป็นเครื่องสำอางที่มี ความเสี่ยงสูงหากผู้บริโภคใช้เครื่องสำอางนั้นไม่ถูกวิธี  จึง ต้องมีการขึ้นทะเบียนตำรับเพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาความ ถูกต้องเหมาะสม  และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ก่อนจำหน่าย  เครื่องสำอางในกลุ่มนี้  ได้แก่  ผลิตภัณฑ์ ดัดผม  ย้อมผล  ฟอกสีผม  แต่ผมดำ  ผลิตภัณฑ์ทำให้ขนร่วง  ยาสีฟัน  หรือ น้ำยาบ้วนผากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์  เป็นต้น  เครื่อง สำอางประเภทนี้ต้องมีฉลากที่แสดงข้อความว่า  เครื่องสำอางควบคุมพิเศษและมีเลข ทะเบียนในกรอบ  อย.
                2.  เครื่องสำอางควบ คุม  เป็นเครื่องสำอางที่มีความเสี่ยงรองลงมา  การ กำกับดูแลจึงลดระดับลงมา
ตั้งแต่เรื่องการขึ้นทะเบียน  เป็นการจดแจ้งต่อ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเท่านั้น  เครื่องสำอางในกลุ่ม นี้  ได้แก่  ผ้าอนามัย  ผ้าเย็น  กระดาษเย็น  แป้งฝุ่นโรยตัว  แป้งน้ำ  เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารป้องกันแสงแดด  เครื่อง สำอางที่ผสมสารขจัดรังแค  เป็นต้น  เครื่องสำอาง ประเภทนี้ที่ฉลากจะต้องแสดงข้อความว่า เครื่อง สำอางควบคุม
                3.  เครื่องสำอางทั่วไป  ได้แก่  เครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสารควบคุมพิเศษ  หรือ สารควบคุม  เป็นเครื่องสำอางที่ผู้บริโภคมีโอกาสเกิดอันตราย จากการบริโภคได้น้อย  ได้แก่  สบู่  แชมพู  ครีมนวดผม  แป้งทาหน้า  ลิปสติก  เจ ลแต่งผม  น้ำหอม  ครีมบำรุงผิว  ดินสอ เขียนคิ้ว  บลัชออนแต่งแก้ม  อายแชโดว์  เป็น ต้น  เครื่องสำอางประเภทนี้ต้องแสดงฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วน
การโฆษณาเครื่องสำอาง
                การ โฆษณาเครื่องสำอาง  ไม่ต้องขออนุญาตก่อนทำการโฆษณา  แต่ การโฆษณาต้องอยู่ในขอบเขตของความถูกต้อง  ถูกหลักวิชาการและ เป็นธรรมต่อผู้บริโภค  แต่ทั้งนี้ผู้ประกอบการอาจขอให้พิจารณา ให้ความเห็นก่อนทำการโฆษณาได้
การผลิต / นำเข้าเครื่องสำอาง
                -  เครื่องสำอางควบคุมพิเศษ             ต้องขึ้นทะเบียน ก่อนผลิตหรือนำเข้า
                -  เครื่องสำอางควบ คุม                        ต้องแจ้งรายละเอียดก่อนผลิตหรือนำ เข้า
                -  เครื่องสำอางทั่วไป         
- ผลิตในประเทศไม่ต้องขึ้นทะเบียน  เพียงแต่แสดง ข้อความที่ ฉลากภาษาไทยให้ครบถ้วน
-  นำเข้า  ต้องยื่นเอกสารขอนำเข้าและต้องจัดทำฉลากภาษา ไทย  ให้ครบถ้วนและถูกต้อง  ภายใน 30 วัน นับแต่เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบให้นำเข
สถานที่ขายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
                การ ขายเครื่องสำอางสามารถกระทำได้โดยอิสระ  ไม่ต้องขออนุญาตขาย เครื่องสำอาง  แต่เครื่องสำอางที่ขายต้องมีฉลากภาษาไทย  และฉลากต้องแสดงข้อความครบถ้วนและถูกต้องตามที่ได้
กำหนดไว้
สถานที่ขอขึ้นทะเบียนหรือแจ้งราย ละเอียด
                ผู้ประกอบการที่มีสถานที่ประกอบการ ตั้งอยู่  ให้ยื่นขอขึ้นทะเบียนผู้ผลิตหรือนำเข้าที่  กอง ควบคุมเครื่องสำอาง  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  อาคาร 4 ชั้น 4  ตึกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา  ใน บริเวณกระทรวงสาธารณสุข  ถนนติวานนท์  จังหวัด นนทบุรี 11000  โทร.  02-5907272,02-5918466
หรือ  สำนักงานสาธารณ สุขจังหวัดที่สถานที่ผลิต  สถานประกอบการของผู้ผลิตหรือผู้นำ เข้าตั้งอยู่
ผลิตภัณฑ์วัตถุอันตราย  
                เป็น วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน  ที่ต้องขอขึ้นทะเบียนกับสำนัก งานคณะกรรมการอาหารและยา  จำแนกตามประโยชน์การใช้ของวัตถุ อันตรายเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  10  กลุ่ม  ดังต่อไปนี้
1.       ผลิตภัณฑ์ป้องกันและ / หรือ  ไล่ กำจัดแมลง
2.       ผลิตภัณฑ์กำจัดเห็บหมัดในสัตว์แลกำจัดเหาในคน
3.       ผลิตภัณฑ์กำจัดหนู
4.       ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคหรือกำจัดกลิ่นในสระว่าย น้ำ
5.       ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค
6.       ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น  ฝาผนัง  เครื่องสุขภัณฑ์  และวัสดุอื่นๆ
7.       ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แก้ไขการอุดตันของท่อ
8.       ผลิตภัณฑ์ซักผ้าขาว
9.       ผลิตภัณฑ์ซักแห้งผ้าหรือสิ่งทออื่น ๆ
10.    ผลิตภัณฑ์ลบคำผิดหรือสารละลายที่ใช้เจือจาง ผลิตภัณฑ์ลบคำผิด
กลุ่มผลิตภัณฑ์ยา
1.       ยาสมุนไพร  หมายถึง  ยา ที่ได้จากพืช  สัตว์  แร่ที่ยังไม่ได้ผสม  ปรุง  หรือแปรสภาพ  เช่น  ใบ
มะขาม แขก  ดอกคำฝอย  ฟ้าทะลายโจรฉลากที่ แสดงรายละเอียดของยาสมุนไพร  ประกอบด้วย
-  ชื่อสมุนไพร
-   น้ำหนักหรือปริมาณที่บรรจุ
-   ครั้งที่ผลิต
-  วันเดือนปีที่ผลิต
-  ชื่อผลิต
-  ถ้าจะแสดงสรรพคุณของสมุนไพร  ต้อง เป็นไปตามที่กำหนดหรือขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน
การ โฆษณาเกี่ยวกับยาสมุนไพร  ต้องขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากเจ้า หน้าที่
-  กรณีอยู่ต่างจังหวัด  ขออนุญาตจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
-  กรณีอยู่  กทม.  ขอ อนุญาตกองควบคุมยา  อาคาร 2 และ 4  ชั้น 3 กระทรวงสาธารณสุข  ถนนติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี  11000 
2.       ยาแผนโบราณ  หมายถึง  ยา ตามตำรายาแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศหรือยาที่อาศัยความรู้จากตำราหรือการ เรียนสืบต่อกันมาที่ไม่ใช่การศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์
รูปแบบ ของยา  จะต้องเป็นรูปแบบของยาแผนโบราณ  เช่น  ยาเม็ด  ยาผง  ยาลูกกลอน  ยา น้ำ  ยาเคลือบน้ำตาล  ยาขี้ผึ้ง  เป็น ต้น



ใบความรู้ เรื่องวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค

การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค  เป็นการค้นหาหรือวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อและการใช้ของผู้บริโภค เพื่อทราบถึงลักษะความต้องการและพฤติกรรมการซื้อและการใช้ของผู้บริโภค  คำตอบที่ได้จะช่วยให้นักการตลาดจัดกลยุทธ์การตลาดที่สนองความต้องการหรือความพึงพอใจของผู้บริโภคได้อย่างเหมาะสม
คำถามที่ใช้เพื่อค้นหาลักษณะพฤติกรรมของผู้บริโภค  (6 W 1 H)
1.  ใครอยู่ในตลาดเป้าหมาย  (Who  is  in  the  target  market?) เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์ว่าใครคือผู้ซื้อสินค้าหรือใครคือกลุ่มเป้าหมาย  ซึ่งคำตอบก็คือ  กลุ่มเป้าหมายที่ธุรกิจได้เลือกไว้แล้ว 
2.  ผู้บริโภคซื้ออะไร (What does the consumer buy?)  เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์ว่าสิ่งที่ผู้บริโภคซื้อคืออะไร  คำตอบก็คือซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหรือองค์ประกอบแตกต่างหรือเหนือกว่าของคู่แข่งขัน  กลยุทธ์ที่ธุรกิจใช้หลังจากที่ทราบคำตอบข้อนี้แล้วคือ  กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์  คือจะต้องจัดการเกี่ยวกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์  ตราสินค้า  รูปแบบและคุณภาพ  เพื่อสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าตามที่กล่าวมาแล้ว
3.  ทำไมผู้บริโภคจึงซื้อสินค้า  (Why does the consumer buy?) เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์สาเหตุการซื้อของผู้บริโภคธุรกิจจะต้องศึกษาถึงวัตถุประสงค์ในการซื้อสินค้าของผู้บริโภค  ซึ่งโดยทั่วไปผู้บริโภคซื้อสินค้าเพื่อสนองความต้องการด้านร่างกาย  เช่น หิว หรือซื้อเพื่อสนองความต้องการทางด้านจิตวิทาเช่น ต้องการการยอมรับ  ต้องการความปลอดภัย  เป็นต้น  กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้มากคือเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด
4.  ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ (Who participates in the buying) เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์ถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจซื้อ  ธุรกิจจะต้องศึกษาบทบาทของกลุ่มต่าง ๆ  ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  ซึ่ง Professor  Philip  Kotler  ได้แบ่งผู้มีส่วนร่วมในการซื้อออกเป็น 5  กลุ่มคือ
                4.1  ผู้ริเริ่ม  คือ  ผู้แนะนำหรือผู้ที่มีความคิดจะซื้อสินค้า
                4.2  ผู้มีอิทธิพล  คือ  ผู้ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า
                4.3  ผู้ตัดสินใจซื้อ  คือ  ผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะซื้ออะไร  อย่างไร  ที่ไหน
                4.4  ผู้ซื้อ  คือ  ผู้ที่ทำการซื้อสินค้า
                4.5  ผู้ใช้  คือ  ผู้ที่ใช้สินค้าหรือบริการ
                กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้มาก  คือ กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาดโดยเฉพาะการโฆษณาซึ่งจะมุ่งเน้นการใช้ผู้มีอิทธิพลในการตัดสินใจซื้อ  จึงใช้พรีเซ็นเตอร์ที่เป็นที่นิยมชื่นชอบของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
5.   ผู้บริโภคซื้อเมื่อใด ( When does the consumer buy?)    เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์เวลาในการซื้อของว่าซื้อเมื่อใด เช่นช่วงวันใด  เดือนใด  เทศกาลใด  หรือในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลวันสำคัญใด  กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้คือกลยุทธ์ในการส่งเสริมการตลาด และจะต้องทำการส่งเสริมการตลาดที่สอดคล้องในช่วงที่ผู้บริโภคซื้อสินค้า
6.  ผู้บริโภคซื้อสินค้าที่ไหน (Where does  the  consumer buy?)   เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์แหล่งที่ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์นั้นคือที่ใด  เช่นห้างสรรพสินค้า  ร้านขายของชำ  บางลำพู  พาหุรัด  เป็นต้น  หลังจากที่ทราบคำตอบแล้วว่ากลุ่มเป้าหมายซื้อจากที่ใด  ขั้นต่อไปก็คือ  การเลือกใช้กลยุทธ์  ซึ่งในข้อนี้กลยุทธ์ที่ใช้คือ  กลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย  เป็นการพิจารณาว่าจะใช้ช่องทางการจัดจำหน่ายสู่ผู้บริโภคโดยทางตรงหรือทางอ้อม  ถ้าเป็นทางอ้อม  จะเลือกใช้คนกลางประเภทใด
7.  ผู้บริโภคซื้ออย่างไร (How does the  consumer buy?)    เป็นคำถามที่ต้องการวิเคราะห์พฤติกรรมในการซื้อของผู้บริโภค ว่าซื้ออย่างไร  ซึ่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจะเป็นไปตามขั้นตอนการตัดสินใจซื้อ คือ
                7.1  รับรู้ปัญหา
                7.2  การค้นหาข้อมูล
                7.3  การประเมินทางเลือก
                7.4  การตัดสินใจซื้อ
                7.5  ความรู้สึกภายหลังการซื้อ  กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ในข้อนี้คือ  กลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด  ซึ่งประกอบด้วย  การโฆษณา  การประชาสัมพันธ์  การขายโดยใช้พนักงานขาย  และการส่งเสริมการขาย