ใบความรู้วิชาวิจัยตลาด


ใบความรู้เรื่อง  เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

ความหมายของเครื่องมือ
                เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย  หมายถึง  อุปกรณ์หรือแบบวัดต่าง ๆ  ที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
                1.  เครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์  เป็นเครื่องมือที่เป็นอุปกรณ์สำหรับการวัดที่มีความเที่ยงตรง  แม่นยำ  เช่น  วัดปริมาณ  วัดความสูง  วัดความจุ  วัดเวลา  วัดอุณหภูมิ  เป็นต้น
                2.  เครื่องมือวัดทางพฤติกรรมหรือทางจิตวิทยาหรือทางสังคมศาสตร์  ไม่สามารถวัดด้วยอุปกรณ์ได้โดยตรง  ดังนั้นจึงแม่นยำน้อยกว่าทางวิทยาศาสตร์  ทั้งนี้เพราะทางสังคมศาสตร์มีตัวแปรที่ทำให้ค่าเปลี่ยนแปลงได้มาก  เช่น  สภาพจิตใจ  สภาพแวดล้อม  สถานการณ์ และระยะเวลา  ดังนั้นเครื่องมือที่ใช้จึงนิยมเป็นแบบทดสอบ  (Test)  แบบสอบถาม (Questionnaire)  แบบสำรวจ (Inventory)
แบบสัมภาษณ์ (Interview  Form)  แบบสังเกต (Observation  Form)

คุณสมบัติของเครื่องมือที่ดี
                1.  มีความตรง (Validity)  หมายถึง  เครื่องมือจะต้องสามารถวัดสิ่งที่ต้องการตรงตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยที่ได้ตั้งไว้
                2.  มีความเที่ยง (Reliability)  หมายถึง  เครื่องมือนั้นต้องมีความสม่ำเสมอในการวัด ไม่ว่าจะวัดซ้ำสักกี่ครั้ง  คำตอบจะได้ตามเดิม
                3.  มีความเป็นปรนัย (Objectivity)  หมายถึง  เครื่องมือนั้นต้องมีข้อคำถามที่ชัดเจน  ไม่ว่าใครจะใช้หรือใช้เวลาใด  สามารถใช้ได้เหมือนกัน  หรือการวัดที่นำเครื่องมือไปใช้จะมีความเข้าใจตรงกันว่าจะวัดประเด็นอะไร  มีเกณฑ์อย่างไร  มีความชัดเจน  ไม่คลุมเครือ  หรือไม่ต้องไปตีความหมาย
                4.  มีความคล่องตัวในการนำไปใช้ (Usability)  หมายถึง  เครื่องมือที่ดีต้องสามารถนำไปใช้ได้สะดวก  ใช้ง่าย  สอดคล้องกับสถานการณ์และงานวิจัยที่ต้องทำ  สะดวกทั้งการใช้  การเคลื่อนย้าย  และการจัดเก็บรักษา
                5.  มีความไม่อคติ (Unbiased)  หมายถึง  เครื่องมือต้องมีการวัดได้กับกลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มตัวอย่าง  มิใช่เอื้อประโยชน์กับบุคคลบางกลุ่มหรือบางพวก เช่น  คำถามที่ใช้ภาษาท้องถิ่นอาจจะเอื้อต่อบางกลุ่มได้  ดังนั้น  ต้องใช้ภาษากลางที่ทุกคนเข้าใจตรงกัน  ป้องกันไม่ให้ภาษาท้องถิ่นมีอิทธิพลต่อการตอบได้
                6.  มีประสิทธิภาพ (Efficiency)  หมายถึง  เครื่องมือนั้นนอกจากจะวัดได้ตรงวัตถุประสงค์ของการวิจัยตามที่ตั้งไว้  ต้องประหยัดเวลา  แรงงาน  และเสียค่าใช้จ่ายน้อย

ชนิดของเครื่องมือ
                เครื่องมือที่นิยมใช้ในการวิจัยทางสังคมศาสตร์มีหลายชนิด  ชนิดที่นิยมใช้บ่อย ๆ  ได้แก่
1.       แบบสอบถาม  (Questionnaire)
2.       แบบสัมภาษณ์  (Interview Form)
3.       แบบสังเกต  (Observation  Form)
4.       แบบทดสอบ  (Test)

1.  แบบสอบถาม  คือ ชุดของคำถามหรือตารางคำถามที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ  โดยผู้ให้ข้อมูลเป็นกรอกแบบสอบถามเอง  และชุดของคำถามในแบบสอบถามนั้นผู้วิจัยจะสร้างขึ้นเองหรือใช้แบบสอบถามที่เป็นมาตรฐานที่มีผู้อื่นสร้างไว้แล้วก็ได้
                ชนิดของแบบสอบถาม  แบ่งเป็น  3  ชนิด
1.       แบบสอบถามแบบปลายเปิด  คือแบบสอบถามที่มีคำถามที่เปิดโอกาสให้ผู้ตอบแสดงความ
คิดเห็นอย่างอิสระ  ไม่มีการกำหนดกลุ่มของคำตอบให้เลือก
2.       แบบสอบถามแบบปลายปิด  คือ  แบบสอบถามที่มีคำถามสั้นๆ ซึ่งเตรียมคำตอบไว้ให้
ผู้ตอบเลือกตามความต้องการ  คล้ายแบบทดสอบ  ตัวเลือกอาจมีตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป  ผู้ตอบไม่มีอิสระในการตอบ  จะต้องเลือกคำตอบตามที่กำหนดไว้จึงตอบได้จำกัด
3.       แบบสอบถามแบบผสมทั้งแบบปลายเปิดและแบบปลายปิด  คือแบบสอบถามที่มีทั้ง
ปลายเปิดและปลายปิดในฉบับเดียวกัน

                ชนิดของคำถามที่ใช้ในแบบสอบถาม  มี 2  ชนิด  ดังนี้
1.       คำถามปลายเปิด  (Open-ended  question)  เป็นคำถามที่ไม่ได้กำหนดคำตอบไว้  ผู้ตอบ
จะต้องเขียนคำตอบเองตามความคิดอิสระ  ซึ่งคำถามแบบนี้ผู้ตอบต้องใช้ความคิด  จึงใช้เวลาตอบมาก  และตอบยากผู้ตอบจึงมักไม่ค่อยเต็มใจตอบเท่าใดนัก
ตัวอย่าง การสร้างคำถามปลายเปิด
1.       แนวโน้มของเศรษฐกิจไทยปี 2550  เป็นอย่างไร
1.1..................................................................
1.2.................................................................
1.3.................................................................
                                2.  มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐมีลักษณะอย่างไร
                                       2.1 ..............................................................
                                       2.2..............................................................
                                       2.3.............................................................
                2.  คำถามปลายปิด (Close-ended  question)  ลักษณะของคำถามมีการกำหนดคำตอบให้ผู้ตอบเลือก  มีตัวเลือกที่กำหนดให้  คำถามปลายปิดนี้มีลักษณะย่อยอีกหลายอย่าง  ได้แก่
                                2.1  คำถามที่ให้ตอบรับหรือปฏิเสธ  (Yes-No  question)  คือ คำถามที่มีตัวเลือกให้ 2 ตัว  เช่น  ตอบว่าใช่ ไม่ใช่ / เหมาะสม-ไม่เหมาะสม  /ดี-ไม่ดี / ร่วมมือ-ไม่ร่วมมือ เป็นต้น
                                2.2  คำถามที่ให้เลือกตอบ  อาจเลือกตัวเดียวหรือหลายตัวก็ได้
                                2.3  คำถามแบบจัดอันดับความสำคัญ  เป็นคำถามที่กำหนดคำตอบไว้โดยเรียงลำดับความสำคัญมากที่สุดถึงน้อยที่สุดไว้แล้ว  หรือเรียงอันดับ 1  2  3 ไว้แล้ว  นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ให้เลือกตอบได้หลายข้อ
                                2.4  คำถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating  scale)  เช่น  มีตัวเลือก  มากที่สุด  มาก  ปานกลาง  น้อย  น้อยที่สุด 
                ซึ่งแบบสอบถามที่นิยมใช้กันมาก  ได้แก่  แบบสอบถามวัดเจตคติแบบมาตราส่วนประมาณค่าของลิกเคอร์ท  (Likert  scale)  ซึ่งนิยมใช้กันมากในการวิจัยทางสังคมศาสตร์  โดยให้ระดับของการวัดออกเป็น 5  ช่วง  คือ  มากที่สุด  =5  มาก =  4  ปานกลาง   =  3  น้อย =  2  น้อยที่สุด = 1  โดยมีเกณฑ์ในการแปลผล  ดังนี้
                                ตั้งแต่  4.50  ขึ้นไป              หมายความว่า        เห็นด้วยมากที่สุด
                                3.50 4.49                            หมายความว่า        เห็นด้วยมาก
                                2.50 3.49                            หมายความว่า        เห็นด้วยปานกลาง
                                1.50 2.49                            หมายความว่า        เห็นด้วยน้อย
                                ต่ำกว่า  1.50                          หมายความว่า        เห็นด้วยน้อยที่สุด


ตัวอย่าง   แบบวัดเจตคติต่อการจัดประกันสังคมของรัฐ
คำชี้แจง  โปรดกา   P     ใน   0       ข้อที่ตรงกับความคิดเห็นของท่าน

ลำดับที่
รายการ
ระดับความคิดเห็น
หมายเหตุ
มากที่สุด(5)
มาก(4)
ปานกลาง(3)
น้อย(2)
น้อยที่สุด(1)
1.
ท่านเห็นด้วยกับการจัดให้มีบริการประกันสังคม






2.
สหภาพควรมีส่วนร่วมในการจัดทำระเบียบการประกันสังคม















การร่างแบบสอบถาม  ควรแยกออกเป็น  3  ส่วน  คือ ส่วนที่เป็นคำชี้แจง  ส่วนที่เป็นสถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถามและส่วนที่เป็นคำถามเนื้อหา
1.       ส่วนที่เป็นคำชี้แจง  ในส่วนนี้ผู้วิจัยจะต้องชีแจง  ให้ผู้ตอบแบบสอบถามทราบว่า 
แบบสอบถามมีคำถามกี่ส่วน  โดยแต่ละส่วนประกอบไปด้วยอะไรบ้าง  และการตอบจะต้องทำอย่างไร



ตัวอย่าง  
                                คำชี้แจง  แบบสอบถามนี้ประกอบด้วยคำถาม  3  ส่วน  คือ  สถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบถาม  การแสดงความคิดเห็น  และการเสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุง โปรดกาเครื่องหมาย P   ในช่อง     0      ที่ตรงกับข้อมูลจริงหรือตรงกับรายละเอียดในช่องว่างตามที่ท่านต้องการ
  
                               
2.       ส่วนที่เป็นสถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม  คำถามในส่วนนี้พิจารณาจากตัว
แปรที่ต้องการศึกษาว่ากำหนดตัวแปรอะไรไว้บ้าง  เช่น  เพศ  อายุ  วุฒิการศึกษา ฯลฯ  ผู้วิจัยต้องนำตัวแปรเหล่านั้นมาสร้างเป็นคำถาม


ตัวอย่าง  ส่วนที่เป็นสถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม
                สถานภาพส่วนตัวของผู้ตอบแบบสอบถาม
1.  เพศ   0  ชาย                                                  0  หญิง
2.  อายุ   0  14-20                                               0  21-25
                 0  26-30                                             0  31-35
                 0  มากกว่า 35
3.  การศึกษาสูงสุด              0  ต่ำกว่าปริญญาตรี
                                                0  ปริญญาตรี
0     ปริญญาโท
0     อื่นๆ  (โปรดระบุ).....................

                               
 

                               
3.       ส่วนที่เป็นคำถามเนื้อหาที่ตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัย  ผู้วิจัยต้องจัดลำดับของเนื้อหา
เป็นกลุ่ม ๆ  แล้วพิจารณาว่าเป็นคำถามที่เป็นข้อเท็จจริง หรือเป็นความคิดเห็น  หากเป็นข้อเท็จจริงนิยมใช้แบบตรวจสอบรายการ(Check  list) และหากเป็นความคิดเห็นนิยมใช้  ลิกเคอร์ท สเกล 

ลักษณะของคำถามที่ดี
                1.  ใช้ข้อความสั้น ๆ  กะทัดรัด  ได้ใจความ  ตรงประเด็นที่อยากทราบคำตอบ
                2.  เรียงลำดับคำถามง่าย ๆ  ไปหายาก
                3.  ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย  ควรหลีกเลี่ยงคำว่า  เดี๋ยวนี้  บ่อยๆ  เป็นประจำ  เสมอๆ  เพราะผู้ตอบแต่ละคนตีความหมายไม่เหมือนกัน
                4.  ไม่ควรใช้ศัพท์เฉพาะ
                5.  หลีกเลี่ยงคำถามนำ  หรือคำถามที่ผู้ตอบอาย
                6.  คำถามแต่ละข้อควรมีประเด็นคำถามเดียว

2.  แบบสัมภาษณ์  (Interview  form)  เป็นชุดของคำถามที่ใช้ถามและใช้จดบันทึกคำตอบของการสัมภาษณ์  โดยผู้สัมภาษณ์จะเป็นผู้บันทึกคำตอบ  ผู้วิจัยจะใช้แบบสัมภาษณ์เป็นเครื่องมือรวบรวมข้อมูลของวิจัย

3.  แบบสังเกต (Observation  form)  เป็นเครื่องมือวัดพฤติกรรมของบุคคล  โดยอาศัยการรับรู้ของผู้สังเกตเป็นหลัก  พฤติกรรมที่เห็นเด่นชัด  คือ  การพูด  การซักถาม  การฝึกปฏิบัติ  ลักษณะท่าทาง  ส่วนพฤติกรรมที่สังเกตได้ยาก  ได้แก่  ความรู้สึก  ความคิดเห็น  ความซาบซึ้ง 

4.  แบบทดสอบ (Test)  เป็นชุดคำถามที่ใช้วัดความรู้ความสามารถของผู้เรียนหรือผู้ตอบแบบทดสอบ 

                          
************************************************************************
ใบความรู้  เรื่อง  โปรแกรม  SPSS
การลงรหัส  (Coding) โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้กับงานวิจัยส่วนใหญ่จะนิยมใช้โปรแกรม  SPSS  (  Statistical  package  for  social  sciences  for  widows)  เนื่องจากมีความสะดวก  ใช้งานง่าย  และสามารถวิเคราะห์ได้หลากหลาย
คู่มือการลงรหัส
คู่มือการลงรหัสจะประกอบด้วยข้อมูลต่าง   ซึ่งนักวิจัยควรจะทราบความหมายของแต่ละข้อ  เพื่อจะได้กำหนดตัวแปรให้สอดคล้องกับข้อความ
1.  ชื่อตัวแปร (Name)  ควรกำหนดเป็นตัวอักษรหรือตัวเลข  ความยาวของตัวแปรต้องไม่เกิน  8  ตัวอักษร  โดยห้ามใช้สัญลักษณ์  เช่น ! ?
2.  ชนิดตัวแปร  (Type)  จะมีหลายประเภท  ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้ตัวแปรชนิด  Numeric เป็นตัวแปรชนิดตัวเลข จะกำหนดความกว้าง (Width)  และจำนวนหลักของตัวเลขเป็นจุดทศนิยม  สามารถวิเคราะห์ค่าสถิติได้ทุกค่า
3.  คำอธิบายตัวแปร (Label)  เป็นการอธิบายความหมายของข้อคำถามในแต่ละข้อคำถาม  เพื่อจะได้อธิบายตัวแปรให้มีความชัดเจนมากขึ้น
4.  ค่าไม่ตอบ  (Missing  Value)  เป็นการกำหนดรหัสเพื่อใช้แทนในกรณีที่ผู้ตอบไม่ตอบ  โดยรหัสที่นิยมใช้คือ  9 , 99
5.  ระดับการวัดตัวแปร (Measure)  เป็นการกำหนดระดับการวัดว่าคำถามในแต่ละข้อคำถามเป็นสเกลในระดับใด
6.  คำอธิบายค่าของตัวแปร (Values)  เป็นการกำหนดรหัสเป็นตัวเลขแทนค่าของตัวแปร
ตารางแสดงคู่มือการลงรหัส  เพื่อใช้ป้อนข้อมูลในโปรแกรม  SPSS
ข้อ
ชื่อตัวแปร
คำอธิบายตัวแปร
คำอธิบายค่าของตัวแปร
1
V1
เพศ
1=ชาย               2=หญิง
2
V2
อายุ
1=18-27ปี          2=28-37ปี
3=38-47ปี           4=47ปีขึ้นไป
3
V3
ระดับการศึกษา
1=ต่ำกว่าปริญญาตรี
2=ปริญญาตรี
3=สูงกว่าปริญญาตรี
4
V4
รายได้
1=ต่ำกว่า 5,000บาท
2=5,000-10,000บาท
3=10,001-15,000บาท
4=15,001 บาทขึ้นไป
9=ไม่ตอบคำถาม
ขั้นตอนการลงโปรแกรม
1.  เข้า Start              SPSS  for  window                  SPSS  10.0  for  window
2.  หน้าจอจะปรากฏ  Data  View  กับ  Variable  View  มีลักษณะดังนี้
          หน้าจอ   Data  View  เป็นดังนี้


Var
Var
Var
Var
1




2




3




4




5




           
               หน้าจอ  Variable  View   มีลักษณะดังนี้

Name
Type
Width
Decimals
Label
Values
Missing
Columns
Align
Measure
1
V1



เพศ
1         




2










3










4










5











3.  ในช่อง  Name  ให้ใส่ชื่อตัวแปร  เช่น  V1   V2
      ในช่อง  Label  ให้อธิบายความหมายของคำถามในแต่ละข้อ
      ในช่อง  Values  ให้กำหนดรหัสตัวแปร เช่น  1= ชาย  2หญิง โดยคลิกไปที่สัญลักษณ์   
      ใส่รหัสเรียบร้อยแล้วให้กด  Add ไปเรื่อย ๆ  เมื่อลงครบแล้ว                    คลิก OK 
4.       คลิกมาที่  Data  View  ลงข้อมูลตามแบบสอบถามที่ได้เก็บรวบรวมจนครบ
5.       ถ้าต้องการคำนวณหา%  คลิก Analyze            Descriptive  Statistics                Frequencies
6.       ถ้าต้องการคำนวณหา  ค่าเฉลี่ย  และ  ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คลิก Analyze            Descriptive  Statistics            Descriptives